เสร็จสิ้นการประกาศผลในงานเบสต์ ฟีฟ่า อวอร์ด 2018 (The Best FIFA Football Awards 2018) ณ โรยัล เฟสติวัล ฮอลล์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็เป็นอันเรียบร้อยโรงเรียนโมดริชไปนะครับ เมื่อรางวัลใหญ่สุดของงานอย่างรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำปี 2018 ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ตกเป็นของกองกลางร่างเล็กดีกรีรองแชมป์โลก ลูก้า โมดริช ซึ่งใครหลายๆ คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เหมาะสมอย่างยิ่ง หมดข้อท้วงติงใดๆ จะเอื้อนเอ่ย
เพราะในซีซั่นที่ผ่านมารวมถึงมหกรรมฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียนั้น หาใครเทียบเคียงกองกลางร่างเล็กรายนี้ได้ยากจริงๆ ลำพังแค่การคว้าทริปเปิ้ลแชมป์กับราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ในซีซั่นก่อนว่าเยี่ยมแล้ว มาในฟุตบอลโลกที่รัสเซีย เขาก็แบกทีมตราหมากรุก โครเอเชีย คว้าอันดับที่ 2 มาได้แบบค่อนข้างเหนือความคาดหมายทีเดียว
แน่นอนว่าคู่แคนดิเดตของโมดริชอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ก็มีจัดว่ามีซีซั่นที่ดี แต่ซาลาห์นั้นแม้จะยิงกระเจิดกระเจิงกับลิเวอร์พูล แต่ในรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกก็เป็นทีมของเขาที่ต้องพ่ายให้กับราชันชุดขาวของโมดริช ขณะที่ในฟุตบอลโลกนั้น บังโมก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมฟาโรห์ อียิปต์ไปได้ไกลมากนัก ตกรอบแรกไปอย่างไม่ค่อยมีลุ้นอะไรมาก ดีกรีความสำเร็จของบังโมจึงยังสู้โมดริชไม่ได้
ขณะที่แคนดิเดตอีกรายอย่างโรนัลโด้ ผลงานกับราชันชุดขาวนั้นเท่ากับโมดริชเด๊ะ (ก็แหงสิวะ อยู่ทีมเดียวกันนี่หว่า!) แต่ผลงานในระดับชาตินั้น โมดริชภาษีดีกว่าโรนัลโด้หลายช่วงตัว ดังนั้น ด้วยฟอร์มการเล่นและด้วยการพาทีมประสบความสำเร็จ โมดริชจึงเหมาะสมทุกประการสำหรับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำปี 2018 ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ เหลือให้ลุ้นอีกรางวัลก็คือบัลลงดอร์นั่นแหละ ซึ่งก็ถือว่ามีลุ้นมากทีเดียว
โมดริชนั้นปีนี้อายุ 33 แล้วนะครับ จะว่าไปก็ถือเป็นช่วงปลายของอาชีพค้าแข้งแล้ว เต็มที่หากเขายังดูแลรักษาสุขภาพได้ดีอยู่ก็น่าจะเล่นในระดับสูงสุดไปได้อีกเต็มที่ 2-3 ปี ซึ่งก็พอเหมาะแก่การแขวนสตั๊ดแล้วแหละ หรือจะพเนจรไปค้าแข้งรับทรัพย์ในช่วงบั้นปลายอีกหน่อยกับทีมในประเทศอู้ฟู่แลนด์อย่างจีนหรืออาหรับก็น่าสนใจ เพราะโมดริชนั้นเป็นนักเตะประเภทเล่นด้วยสมองบวกพละกำลัง คือไม่ได้พละกำลังจ๋า แต่ใช้ควบคู่กันไปกับสมอง แม้ร่างกายจะโรยลงไป แต่ก็น่าจะสามารถเล่นด้วยสมองไปได้อีกสักพักใหญ่ๆ
เอาละครับ จบเรื่องของโมดริชไป ก็มาต่อกันเรื่องของซาลาห์กันบ้าง
ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสผลักดันให้ซาลาห์ได้บัลลงดอร์กันมากเลยนะครับช่วงก่อนที่จะปิดซีซั่น ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะช่วงที่ลิเวอร์พูลจะเข้าชิงยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก มีการเปิดเงื่อนไขอะไรต่อมิอะไรมากมาย ทั้งการต้องพาลิเวอร์พูลได้แชมเปี้ยนส์ลีก พาอียิปต์เข้ารอบลึกๆ ในฟุตบอลโลก และได้รางวัลดาวยิงสูงสุดของยุโรป ซึ่งสุดท้ายซาลาห์ทำได้แค่ข้อสุดท้ายข้อเดียว
อุบัติเหตุในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกถือว่าเป็นจุดจบในการอดได้รางวัลของซาลาห์ก็ว่าได้ (ถึงตรงนี้หลายคนก็อาจสบถเถียงว่า ไม่ใช่อุบัติเหตุโว้ยยยย!!!) แต่ไม่ว่าจะยังไง ความพ่ายแพ้ของลิเวอร์พูลต่อราชันชุดขาว เรอัล มาดริด มันก็ทำให้ภาษีในการจะได้รางวัลของฟีฟ่าหรือบัลลงดอร์ของซาลาห์นั้นหายวับไปทันที เพราะมันทำให้แคนดิเดตของบังโมอย่างโรนัลโด้และโมดริชพุ่งขึ้นมาและมีภาษาดีกว่าแทบไม่เห็นฝุ่น ก่อนที่ความหวังอันริบหรี่ของบังโมจะไปดับมอดลงอีกกับฟุตบอลโลก ที่อียิปต์ไปไม่ถึงความหวังที่ตั้งไว้
แม้ผมจะไม่ได้เชียร์ลิเวอร์พูล แต่สารภาพตามตรงครับว่าซีซั่นก่อนเชียร์ให้ซาลาห์ได้บัลลงดอร์มาก เพราะเบื่อหน่ายกับการผูกขาดรางวัลของโรนัลโด้กับ เลโอเนล เมสซี่ ที่ทำให้นักเตะระดับท็อปของโลกหลายๆ คนถูกปล้นเกียรติยศในอาชีพการค้าแข้งไปอย่างน่าเสียดาย ไม่ว่าจะเป็น ฟรองซ์ ริเบรี ก็ดี ชาบี เอร์นานเดซ ก็ดี อันเดรส อีเนียสต้า ก็ดี เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ก็ดี หรือแม้แต่ผู้พลาดหวังในปีก่อนอย่างเสือเฒ่า จานลุยจิ บุฟฟ่อน ก็ดี แถมฟอร์มการเล่นของซาลาห์ในปีก่อนนั้นบอกได้คำเดียวครับว่า สุดยอดค่อดๆ ชนิดดูแล้วมัน ดูแล้วเพลินตาดีแท้
แต่ก็อย่างว่าครับ ด้วยเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้น มันเลยทำให้ผมและแฟนลิเวอร์พูลอีกหลายคนพลาดหวังไป และเชื่อว่าตัวซาลาห์เองก็ผิดหวังไม่น้อยเหมือนกัน เพราะก็ไม่รู้นะว่าบังโมของเราจะฟอร์มดุเด็ดเผ็ดมันส์แบบซีซั่นก่อนได้อีกมั้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีซั่นนี้ในสีเสื้อลิเวอร์พูล มีตัวมาช่วยบังโมยิงเยอะขึ้น และระบบของหงส์แดงก็ดูจะกระจายความร้ายกาจออกไปทั่วสนาม ไม่เน้นแต่ริมเส้นด้านขวาเหมือนซีซั่นก่อนอีกแล้ว
เอาเถอะครับ ต้องยอมรับว่าซีซั่นก่อนเป็นปีที่ไม่ค่อยสุดนักสำหรับซาลาห์ แต่ถือเป็นปีที่ดีกว่าของโมดริช
ยังมีนักเตะอีกเยอะครับที่ประสบความสำเร็จมากมาย ยกเว้นแต่รางวัลเกียรติยศแบบบัลลงดอร์หรือผู้เล่นยอดเยี่ยมของฟีฟ่า
แถม!!! เก็บตกรางวัลอื่นๆ ของงาน The Best FIFA Football Awards 2018
-รางวัลนักฟุตบอลหญิงยอดเยี่ยม ได้แก่ มาร์ต้า (บราซิล)
-รางวัลโค้ชทีมฟุตบอลหญิงยอดเยี่ยม ได้แก่ เรย์นัลด์ เปโดรส (ผู้จัดการทีมหญิงของสโมสรโอลิมปิก ลียง)
-รางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม ได้แก่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ (เบลเยี่ยม)
-รางวัลประตูยอดเยี่ยม (ปุสกัส อะวอร์ด) ได้แก่ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์
-รางวัลโค้ชทีมฟุตบอลชายยอดเยี่ยม ได้แก่ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ (ผู้จัดการทีมชาติฝรั่งเศส)
-รางวัลแฟน อะวอร์ด ได้แก่ แฟนบอลทีมชาติเปรู
-รางวัลฟีฟ่า แฟร์ เพลย์ ได้แก่ เลนนาร์ท ธาย (สโมสรวีวีวี-เฟนโล)
-รางวัลทีมยอดเยี่ยม (FIFA FIFPro World XI) ได้แก่ ดาบิด เด เคอา / ดานี่ อัลเวส, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เซโล่ / ลูก้า โมดริช, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เอแด็น อาซาร์ / ลีโอเนล เมสซี่, คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, คริสเตียโน่ โรนัลโด้
SBOTHAICLUB - เล่น SBOBET กับน้องโยโย่ แจกเครดิตลองเล่น ฟรี 100 บาท
สอบถามเพิ่มเติมหรือต้องการสมัครสมาชิก กดที่ปุ่มเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ
Comments
